Skip to content

Life at Longdo

Live and learn, and share what you've learned.

Menu
  • Home
  • Log in
Menu
JHOL Coastal Indian Cuisine

ชิมอาหารอินเดียสไตล์ชายฝั่งภาคใต้ ที่ JHOL Coastal Indian Cuisine

Posted on 2023-03-302023-04-06 by webmaster

JHOL Coastal Indian Cuisine (โจฮ์ล โคสตัล อินเดียน คูซีน เรสตัวรองต์) ร้านอาหารอินเดียสไตล์ชายฝั่งภาคใต้แห่งนี้ จะท้าทายมุมมองอาหารอินเดียที่หลายๆ คนเข้าใจและเคยชิน รังสรรค์โดยเชฟ Hari Nayak ผู้ซึ่งเกิดและโตในเมืองเล็กๆทางตอนใต้ของอินเดีย ชื่อ Udupi ก่อนที่จะย้ายไปทำงานในร้านอาหารระดับมิชลิน 3 ดาว ที่เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และมาเปิดร้าน JHOL ที่ประเทศไทย ด้วยความหวังว่าจะนำเอารากเหง้า ประเพณีและความภาคภูมิใจทางอาหารในบ้านเกิด มานำเสนอให้ชาวไทยได้ลองชิม

Coastal Indian Cuisine that uproots public perception of Indian food in Thailand and the West.

อาหารอินเดียสไตล์ชายฝั่ง ที่จะทำให้เราได้เปลี่ยนมุมมองอาหารอินเดียแบบเดิมๆ ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย และประเทศแถบตะวันตก

ชื่อ JHOL ในภาษาอินเดียนั้น แปลอย่างไม่เป็นทางการได้ว่า ‘mischief’ หรือ ‘การสร้างความปั่นป่วน’ และอาหารของทางร้าน ก็สร้างความแปลกใจให้แก่ผู้มาชิมได้สมชื่อ แขกที่มาทาน จะได้ชิมอาหารอินเดียที่ถูกตีความขึ้นมาใหม่ มีความประณีต ตามสไตล์ fine dining สูตรอาหารของร้าน JHOL นี้ ได้รับแรงบัลดาลใจมาจากพื้นที่แถบ Konkan และ Malabar ที่เป็นจังหวัดชายฝั่งทางตะวันตก และแถบ Chettinad และ Pondicherry รวมไปถึงอ่าวเบงกอล ทางชายฝั่งตะวันออกของประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เน้นการใช้อาหารทะเลที่หลากหลาย ผักผลไม้สดปริมาณมาก รวมถึงเครื่องเทศที่ให้กลิ่นและรสชาติที่สดชื่นตามสไตล์ภูมิประเทศเขตร้อน แตกต่างจากร้านอาหารอินเดียส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ซึ่งโดยมากเป็นอาหารอินเดียแถบภาคเหนือที่มักจะใช้เนื้อไก่และแกะ รวมถึงเครื่องเทศ masala ที่หลายๆ คนคุ้นเคย เป็นวัตถุดิบ

Masala Maska Bun
Prawn Koliwada
Kerala Mutton Roast
อาหารเรียกน้ำย่อยของร้าน JHOL ประกอบไปด้วยวัตถุดิบที่ค่อนข้างหลากหลาย

Foods at JHOL are created by the Southern Indian traditional recipe, seasonal Thai produce, and the arts of contemporary cooking techniques.

อาหารที่ JHOL นั้น เน้นสูตรอาหารของภาคใต้ทางอินเดีย ผสมผสานกับวัตถุดิบตามฤดูกาลของไทย และศิลปะการปรุงอาหารที่ร่วมสมัย

อาหารของร้าน JHOL มีทั้งแบบ a la carte ให้เราสั่งได้ตามใจ โดยเน้นเป็น sharing menu หรือเมนูจานใหญ่ที่ให้แขกสามารถแชร์กันได้ หรือเมนูแบบ Culinary journey course ที่เชฟจะออกแบบคอร์สอาหารให้เราสามารถชิมอาหารได้อย่างหลากหลาย โดย Culinary journey ของที่นี่ (1,399++ บาท สำหรับคอร์สปกติ และ 1,299++ บาท สำหรับคอร์สมังสวิรัติ) ราคาค่อนข้างน่ารักเป็นกันเอง และคุ้มค่า เมื่อเทียบกับ tasting menu ของร้านอาหารอื่นๆ อีกหลายที่

ที่นี่มีเมนูหลายอย่างที่ไม่ค่อยเห็นในร้านอาหารอินเดียที่อื่นในไทย วัตถุดิบที่ร้านใช้มีคุณภาพสูง รสชาติออกแบบมาไม่จัดจ้านหรือฉุนเครื่องเทศจนเกินไป ทานได้ทุกวัย โดยเฉพาะในส่วนของ small plates หรืออาหารเรียกน้ำย่อย ที่มีความหลากหลาย และนำเสนอแต่ละจานมาได้แปลกตาและโดดเด่นกว่าจานหลักที่เป็น curry ทั้งหลาย โดยมีเมนูแนะนำ ได้แก่ prawn koliwada (470 บาท) ซึ่งเป็นกุ้งทอดรสเผ็ด เสิร์ฟมาพร้อมข้าวผสมโยเกิร์ตรสเค็มอ่อนๆ ตัดรสชาติและรสสัมผัสกันได้กำลังพอดี อีกเมนูหนึ่งที่ทางร้านทำได้ดี คือ kerala mutton roast (490 บาท) ซึ่งเป็นเนื้อแกะย่าง เนื้อนุ่ม เสิร์ฟพร้อม malabar parotta ซึ่งเป็นแป้งทอดคล้ายโรตี และผักดองรสออกเปรี้ยวหวาน นอกจากนี้ ยังมีจานเด่นที่แขกที่มาทานนิยมกันมาก ได้แก่ masala maska bun (240 บาท) ซึ่งเป็นขนมปังรูปดอกไม้เนื้อฟูนุ่ม หอมเนย ด้านในเป็นแกงกะหรี่รสนวลๆ ตัวขนมปังนี้ ถือว่าห้ามพลาดเลยทีเดียว

Alleppey Fish Curry
Chettinad Lamb Shank
อาหารจานหลัก จานค่อนข้างใหญ่ สามารถแชร์กันได้

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ main course จานหลัก โดยเฉพาะจานแกงต่างๆ ความสร้างสรรค์ของตัวเมนูจะลดลงไปส่วนหนึ่ง และทำให้ความประทับใจของเราลดลงไปด้วย ส่วนใหญ่เป็นเมนูอิ่มท้องที่ไม่เน้นความประณีตมากนัก และรสชาติไม่ซับซ้อนเท่าจานเรียกน้ำย่อย โดย แกงกะหรี่ปลา alleppey fish curry (620 บาท) นั้น รสชาติค่อนข้างบางเบาและยังขาดจุดเด่น ในขณะที่แกงกะหรี่ขาแกะ chettinad lamb shank (890 บาท) นั้น แม้รสชาติจะเข้มข้นดี แต่เนื้อแกะยังมีความเหนียว ไม่อ่อนนุ่มเท่าที่ควรจะเป็น หากมาทานแบบ a la carte เราแนะนำว่า สองเมนูนี้ ข้ามไปได้ไม่เสียดาย หรือหากไม่ได้ทานเยอะมาก เลือกสั่งเฉพาะจาน small plates หลายๆ แบบ ก็น่าจะสร้างความประทับใจได้มากกว่า

Intricate Indian meal within a laid-back ambience

ประสบการณ์อาหารอินเดียที่แปลกใหม่ ในบรรยากาศสบายๆ

ด้านการตกแต่งร้าน แม้เมนูของทางร้านจะมีความประณีตขึ้นมากว่าร้านอาหารอินเดียทั่วๆ ไปในไทย แต่ JHOL เลือกที่จะทำบรรยากาศร้านให้สบายๆ ไม่เป็นทางการจนเกินไป ไม่ต้องแต่งตัวหรูหรา และพาเด็กๆ มาทานด้วยได้ ตัวร้านเป็นบ้านที่โอ่โถง มีพื้นที่สีเขียวให้เห็นโดยรอบแม้ในเวลากลางคืน โต๊ะถูกจัดเป็นโซนๆ มีความเป็นส่วนตัวที่ระดับหนึ่ง ในด้านการบริการ พนักงานมีความเอาใจใส่ และยังมีเครื่องดื่ม Signature ที่ออกแบบมาให้ทานคู่กับอาหารของทางร้านอีกหลากหลายเมนู ซึ่งสามารถตัดเลี่ยนหรือตัดรสอาหารจานที่ค่อนข้างเข้มข้นได้ โดยประสบการณ์การทานอาหารที่ JHOL นี้ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ และสนุกสนาน สำหรับใครที่ชอบทานอาหารอินเดีย หรืออยากลองทานอาหารที่แปลกใหม่ หรือหาทานได้ยากในไทย ถือว่าน่ามาลองทานดูสักครั้ง

เว็บไซต์: https://www.jholrestaurant.com/

แผนที่: พร้อมไป, Longdo Map, Google Maps

Post Views: 795

No related posts.

Recent Posts

  • Stealth Wealth หรือ Quiet Luxury รวยแบบไม่ตะโกน เทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง
  • Bangkok Top 13 Pizzas : ร้านพิซซ่าเจ้าเด็ดในกรุงเทพฯ ที่ต้องลอง
  • Bangkok Top Burgers : แนะนำ 10+1 ร้านเบอร์เกอร์ในกรุงเทพฯ ที่อร่อยจนต้องยอมอ้วน
  • ชิมอาหารอินเดียสไตล์ชายฝั่งภาคใต้ ที่ JHOL Coastal Indian Cuisine
  • El Willy ร้านอาหารสเปนสุดฮ็อต เจ้าของสโลแกน Happy Spanish Kitchen

Recent Comments

    Archives

    • May 2023
    • April 2023
    • March 2023
    • August 2022
    • May 2022
    • January 2022
    • May 2021
    • April 2021
    • March 2021
    • February 2021
    • January 2021
    • December 2020
    • October 2020
    • March 2020

    Categories

    • englishwecan
    • From Editor
    • Interview
    • Longdo Dict
    • Longdo Labs
    • Review
    • ท่องเที่ยว
    • ทั่วไป
    • พูดอังกฤษเต็มปากเต็มคำ
    • เดินทาง
    • แปลเพลง
    • ไม่มีหมวดหมู่
    • ไลฟ์สไตล์และแฟชั่น

    Meta

    • Log in
    • Entries feed
    • Comments feed
    • WordPress.org
    ©2025 Life at Longdo | Design: Newspaperly WordPress Theme