คือโครงการเราเที่ยวด้วยกันมันก็มีดีลดีๆ มากมายแหละ แต่เขารับประกันว่ามันคือดีลที่ดีที่สุดแล้วหรือเปล่า พวกเราประหยัดเงินไป 40 เปอร์เซนต์จริงหรือเปล่า คำตอบก็คือไม่ เปล่าเลย
แค่การที่รัฐบาลบอกว่า พวกเขาจะจ่าย 40 เปอร์เซนต์ของค่าที่พัก ไม่ได้แปลว่าเราจะได้ส่วนลดถึง 40 เปอร์เซนต์ผ่านเราเที่ยวด้วยกันนะ เราแนะนำทุกคนให้ติดต่อผ่านที่พักโดยตรงเลย และขอเรทที่ดีที่สุดจากเขา
บางครั้งทางที่พักก็ยังประกาศโปรที่ดีกว่าเราเที่ยวด้วยกันผ่านทางเว็บไซต์พวกเขาเลยด้วย เช่น เดอะในหาน ที่ภูเก็ต (ถ้าอยากรู้ว่ามันดีแค่ไหนอ่านต่อข้างล่างได้เลย) เราสามารถจองห้อง “Grand Ocean View” ของเขาคืนละ 2,799 บาทเน็ต บวกอาหารเช้าสองที่ เช็คอินก่อนเวลา เช็คเอ้าท์หลังเวลา ด้วยโปร “Thai Resident Special” ถ้าจองสี่คืนก็เท่ากับ 11,196 บาท แถมเราไม่ต้องจ่ายเงินจนกว่าเราจะเช็คอิน เพราะงั้นก็หมายความว่าเราสามารถยกเลิกโดยไม่ต้องเสียเงินเลย
แต่ถ้าจองผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันบน Agoda (อย่างที่เราได้จองไป) เราได้จ่ายแพงกว่าปกติไป 796 บาทเลยแหละ ยิ่งไปกว่านั้นคือเราต้องจ่าย Agoda ตอนนั้นเลย และยังไม่จบแค่นั้น เราไม่ได้สิทธิ์เช็คอินก่อนเวลาและเช็คเอ้าท์หลังเวลาอีกต่างหาก
ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ การจองผ่านเราเที่ยวด้วยกัน เราจะได้เครดิตสำหรับอาหารมากถึง 600 หรือ 900 บาทต่อวัน และเงินคืนสำหรับค่าเครื่องบินมากถึง 3,000 บาท เพราะงั้นถ้าทุกคนแพลนจะบินไปหรือกินอาหารจากที่พัก (หรือร้านอาหารแถวนั้นที่ร่วมโครงการ) ก็อาจจะคุ้มกับค่าห้องที่จ่ายเพิ่มไปก็ได้นะ
ที่เราพยายามจะบอกก็คือ ทั้งนี้ทั้งนั้นเราควรจะติดต่อที่พักไปก่อนแล้วค่อยมาคำนวณดู และทุกครั้งที่คุณลุงบอกว่าเนี่ยมันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เราควรรับฟัง with a grain of salt โดยเฉพาะเมื่อมีเทคโนโลยี การคิดคำนวณและผู้บริโภคมาเกี่ยวข้องด้วย
ที่พักห้าดาวสุดลับของเราที่ตั้งอยู่บนส่วนที่เงียบสงบของภูเก็ต
เดอะในหานไม่ใช่รีสอร์ทใหม่ มันเคยเป็นโรงแรมในเครือ Mandarin Oriental และต่อมา Le Meridien ก็เข้ามาดูแลต่อ เราเคยไปหลายปีมาแล้ว ตอนที่มันเป็น Royal Phuket Yatch Club ซึ่งค่อนข้างเก่าและไม่สวยเท่า เราก็เลยรู้สึกประทับใจมากที่ตอนนี้รีสอร์ทดูดีมากๆๆๆ มันตั้งอยู่บนเนินเขาตรงข้ามหาดในหานเลย เพราะงั้นวิวที่เราได้ก็ (คงไม่ต้องอธิบายมากอะนะ)โคตรดี! เหมาะถ่ายรูปมาก ในส่วนของห้องนั้นก็กว้างขวางและดีไซน์มาแบบอย่างสวย ถ้าทุกคนชอบระเบียงพาทิโอแบบปังๆ เราแนะนำให้จ่ายเพิ่ม 300 บาทต่อคืน สำหรับห้อง Grand Ocean View (ห้อง The Deluxe Ocean View จะอยู่สูงกว่าแต่ระเบียงเล็กกว่า) ในห้องพักก็จะมีเก้าอี้ชายหาดสองตัว โซฟาแบบเดย์เบด ร่มคันใหญ่ รวมไปถึงเสื่อโยคะและเสื่อกอล์ฟให้ฝึกพัตต์กันอีก
พนักงานที่นี่คือเริศนะ พวกเขาจำรายละเอียดยิบย่อยเกี่ยวกับเราได้ด้วย ไม่ว่าเราอยากได้น้ำตาลสำหรับกาแฟไหมหรือว่าเราต้องการน้ำมันมะกอกบนสลัดของเรามากแค่ไหน อาหารเช้าก็คือดีทุกวัน เราชอบที่เขาเสริฟอาหารแบบจานเดียวแทนที่บุบเฟต์ในช่วงวันธรรมดา ซึ่งอาหารก็คือสดกว่าแถมเราขี้เกียจเกินไปที่จะเดินไปตักอาหารเองด้วยแหละ
ที่นี่เขาก็มีอุปกรณ์ให้ผู้เข้าพักได้ใช้แบบครบ ไม่ว่าจะเป็นจักรยาน กระดานแพเดิลบอร์ดแบบยืน (สนุกสุดๆ!) เรือคายัค และอุปกรณ์ดำน้ำต่างๆ ความคูลคือเราสามารถไปลงทะเลจากรีสอร์ทได้เลย ซึ่งเราก็เลิฟตรงที่หาดในหานมันมีขนาดเล็กและคนไม่พลุกพล่าน ที่หาดก็ไม่มีเรือบานาน่าโบ๊ทหรือเจ็ทสกีมารบกวนบรรยากาศดีๆ ด้วย พูดถึงบรรยากาศ ที่นี่ก็มีบาร์สองแห่งด้วยกัน ที่นึงอยู่ตรงหาดเลย ส่วนอีกที่ก็มีวิวพระอาทิตย์ตกสวยๆ ซึ่งทั้งสองที่นี้ก็มี happy hour ทุกวันด้วยนะ เราแนะนำให้ลองสั่ง Blushing Monarch ที่ได้ชื่อมาจากเจ้าหญิงไดอานา
เราก็ไม่รู้ว่าตัวโปร Thai Resident ของเดอะในหานคือโปรที่ดีที่สุดในเมืองไทยตอนนี้หรือเปล่า เรารู้แค่ว่าที่พักสุดหรูของที่นี่เริ่มแค่ 2,499 บาทต่อคืนเท่านั้นบนหน้าเว็บไซต์ ดีลดีขนาดนี้ เราแพลนจะไปอีกครั้งก่อนนักท่องเที่ยวจะเข้ามาใหม่แล้วว
- ขอบคุณทุกคนที่อ่านน้า ถ้ามีข้อคิดเห็นหรือข้อแนะนำอะไร ติดต่อมาได้ที่นี่เล้ย labs@longdo.com
- นอกจากเรื่องนี้แล้ว เรายังมีเรื่องอื่นของสัปดาห์นี้อีกนะ
- ยังไม่พอใช่ไหม? ไปดูคอนเทนต์รายสัปดาห์อื่นๆ ของเรากันที่นี่สิ ?